เมื่อพูดถึงเรื่องของการดูดวงชะตาแล้ว การใช้ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการใช้ดวงดาวมาใช้ในการดูดวงนั้น ก็คงจะไม่พ้นเรื่องของโหราศาสตร์ (Astrology) ไปได้เลย เพราะเป็นศาสตร์ที่ไม่ใช่เพียงประเทศไทยประเทศเดียวที่นำมาใช้ในการทำนายดวงชะตาแต่ในต่างประเทศเองก็มีการใช้ศาสตร์นี้เฉกเช่นเดียวกัน และวันนี้บทความของเราก็มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องของศาสตร์โหราศาสตร์แบบละเอียดมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้รู้กัน
โหราศาสตร์ คืออะไร
โหราศาสตร์ คือ วิชาพยากรณ์ที่จะใช้เรื่องของศาสตร์ดวงดาวมาใช้ในการทำนายดวงชะตาต่าง ๆ ซึ่งวิชานี้เป็นวิชาที่นอกจากจะต้องอาศัยเรื่องของการโคจรของดวงดาวรอบจักรราศีแล้วก็จำเป็นที่จะต้องใช้ศาสตร์อันล้ำลึก รวมถึงการใช้เรื่องของหลักฐานและเหตุผลมาใช้ในการทำนายดวงชะตาอีกด้วย จึงนับได้ว่าเรื่องของโหราศาสตร์นี้ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่อาจนับรวมเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ได้ด้วยนั่นเอง หากท่านใดสนใจดูดวงจากหมอดูแม่นๆ สามารถเข้าชมเพิ่มเติมได้ทาง : รวม 9 “หมอดูแม่นๆ” จากหลากหลายศาสตร์ ในไทย ประจำปี 2565
โหราศาสตร์ไทย
โหราศาสตร์ไทย คือ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการทำนายชคชะตาโดยใช้ดวงดาวเป็นตัวกลางในการทำนาย ซึ่งก็จะสามารถทำนายครอบคลุมได้ทั้งบุคคลและสังคมหรือประเทศชาติตามหลักการโคจรของดวงดาว โดยการทำนายดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์ไทยนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ดังนี้
1. โหราศาสตร์ไทย 10 ลัคนา
โหราศาสตร์ไทย 10 ลัคนา เป็นการทำนายดวงชะตาประเภทหนึ่งที่ใช้ปฏิทินสุริยยาตร์ซึ่งเป็นปฏิทินโหราศาสตร์ไทย โดยโหรในสมัยก่อนจะอาศัยการคำนวณจาก คำนวณจากคัมภีร์สุริยยาตร์ และคัมภีร์มานัตต์ โดยใช้การคำนวณจากดาวทั้ง 10 ดวง ได้แก่ อาทิตย์(๑), จันทร์(๒), อังคาร(๓), พุธ(๔), พฤหัสบดี(๕), ศุกร์(๖), เสาร์(๗), ราหู (๘), เกตุ(๙) และ มฤตยู(๐) ซึ่งจะเป็นตำแหน่งลัคนาของดาวแต่ละดวง
2. โหราศาสตร์ไทยโบราณ
โหราศาสตร์ไทยโบราณ คือ การดูดวงหรือการทำนายโชคชะตาโดยการใช้ตำราพรหมชาติ ซึ่งเป็นตำราที่มีความเก่าแก่ของไทย ที่ภายในตำรานั้นจะมีเรื่องของศาสตร์ต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การเลือกคู่ครอง , การสะเดาะเคราะห์ , การขึ้นบ้านใหม่ , การทำนายฝัน ,รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำนายดวงชะตาและเรื่องของไสยศาสตร์เอาไว้ ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเชื่อเสียส่วนใหญ่แต่ก็มาจากการหาหลักฐานและหลักของเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวิถีชีวิตของคนไทย โดยตำราพรหมชาติจะใช้วิธีการตรวจสอบจากดวงชะตาประจำปีเกิดนั้น ๆ แล้วนับจากอายุโดยผู้หญิงจะนับจากเจดีย์วนไปทางซ้ายส่วนผู้ชายจะนับจากเจดีย์วนไปทางขวา อ่านวิธีการนับได้ทาง : 12 ชะตา ตามตำราพรหมชาติของไทยโบราณ (ช นับขวา ญ นับซ้าย)
3. โหราศาสตร์ไทยตัวเลข
โหราศาสตร์ไทยตัวเลข คือ ศาสตร์การทำนายที่ใช้ตัวเลข 0-9 ในการเปรียบเทียบกับดวงดาวทั้ง 10 ได้แก่ ดวงอาทิตย์ , ดวงจันทร์ , ดาวอังคาร , ดาวพุธ , ดาวพฤหัส , ดาวศุกร์ , และดาวเสาร์ ซึ่งก็จะหมายรวมไปถึงดาวที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำนายตามหลักโหราศาสตร์อย่าง ดาวมฤตยู , ดาวราหู , และดาวเกตุอีกด้วย อ่านความหมายของตัวเลขแบบละเอียดได้ทาง : ความหมายของเลข 0-9 มีพลังงานบางอย่าง! บอกอะไรได้บ้าง ?
- 1 – พระอาทิตย์ (พลังความเชื่อมั่น)
- 2 – ดวงจันทร์ (ราชินีอ่อนหวาน)
- 3 – ดาวอังคาร (พลังนักรบ)
- 4 – ดาวพุธ (เทพแห่งปัญญา)
- 5 – ดาวพฤหัส (ความดีงามและมีสติปัญญา)
- 6 – ดาวศุกร์ (เทพแห่งศิลปะและความบันเทิง)
- 7 – ดาวเสาร์ (พลังแห่งความอดทน)
- 8 – ดาวราหู (พลังแห่งความลุ่มหลง)
- 9 – ดาวพระเกตุ (พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์)
- 0 – ดาวมฤตยู (เทพเจ้าแห่งความสูญสิ้น)
โหราศาสตร์จีน
โหราศาสตร์จีนนั้นเป็นศาสตร์ที่มีความละเอียดอ่อน โดยโหราศาสตร์จีนจะใช้องค์ประกอบทั้ง 3 สิ่ง ในการทำนาดวงชะตา ได้แก่ ฟ้า ดิน และคน รวมไปถึงการมี 12 ปีนักษัตรที่มีลักษณะแตกต่างออกไปจากฝั่ง 12 ราศีทางตะวันตก หรือไทยเองก็ตาม โดยเริ่มต้นจากความเข้าใจ ดังนี้
- ฟ้า หมายถึง การหยั่งรู้ถึงเรื่องของฤกษ์ยาม
- ดิน หมายถึง ฮวงจุ้ย หรือการรู้ถึงความดีหรือเลวของสถานที่ต่าง ๆ
- คน หมายถึง การรู้ถึงจังหวะและช่วงชีวิตหรือดวงชะตาของแต่ละบุคคล
5 ธาตุ ในโหราศาสตร์จีน
ในทางโหราศาสตร์จีน จะใช้ธาตุทั้ง 5 ในการทำนาย ซึ่งเรียกว่า “โป๊ยหยีสี่เถี่ยว” โดยธาตุทั้ง 5 นั้น ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ทอง ไม้ เป็นต้น ซึ่งแต่ละธาตุนี้ก็มักจะมีธาตุที่สามารถเกื้อกูลกันและขัดแย้งกันโดยใช้หลักเหตุและผล ความสมดุลในรูปแบบของหยินหยาง : หยินหยาง คืออะไร ? เครื่องหมายแทน “ความสมดุล”
- คนธาตุดิน : ธาตุที่จะมาส่งเสริม : ธาตุไฟ ธาตุไม้
- คนธาตุน้ำ : ธาตุที่จะมาส่งเสริม : ธาตุทอง ธาตุดิน
- คนธาตุไฟ : ธาตุที่จะมาส่งเสริม : ธาตุไม้ ธาตุน้ำ
- คนธาตุทอง : ธาตุที่จะมาส่งเสริม : ธาตุดิน ธาตุไม้
- คนธาตุไม้ : ธาตุที่จะมาส่งเสริม : ธาตุน้ำ ธาตุทอง
โหราศาสตร์ตะวันตก
โหราศาสตร์ตะวันตก คือ การคำนวณโดยการใช้ตัวเลข วัน เดือน ปีเกิด รวมถึงเวลาตกฟาก และทำการหาตำแหน่งของดวงดาวเพื่อทำการทำนายดวงชะตาหรือวาสนา โดยโหราศาสตร์ตะวันตกนั้นจะเริ่มนับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของดวงเป็นวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มเข้าฤดูหนาว ในขณะที่โหราศาสตร์ไทยเริ่มนับการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งดาวเป็นวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย โดยที่โหราศาสตร์ตะวันตกนั้นจะอาศัยฤดูกาลเป็นการเดินทางของดาวทั้ง 12 ราศีเพื่อใช้ในการทำนายดวงชะตา
โหราศาสตร์ตะวันตก ตามลัคนาราศี
โหราศาสตร์ตะวันตก เรื่องของลัคนาราศีนั้น ก็จะอาศัยการการดูเรื่องของเวลาตกฟากเช่นเดียวกับของไทย แต่เขาจะมีชื่อเรียกและวันที่ของคนที่เกิดแต่ละเดือนไม่ตรงกันกับไทยดังนี้
- ราศีมังกร Capricorn (22 ธันวาคม – 20 มกราคม)
- ราศีกุมภ์ Aquarius (21 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์)
- ราศีมีน Pisces (20 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม)
- ราศีเมษ Aries (21 มีนาคม – 20 เมษายน)
- ราศีพฤษภ Taurus (21 เมษายน – 20 พฤษภาคม)
- ราศีเมถุน Gemini (21 พฤษภาคม – 21 มิถุนายน)
- ราศีกรกฎ Cancer (22 มิถุนายน – 23 กรกฎาคม)
- ราศีสิงห์ Leo (24 กรกฎาคม – 23 สิงหาคม)
- ราศีกันย์ Virgo (24 สิงหาคม – 23 กันยายน)
- ราศีตุลย์ Libra (24 กันยายน – 23 ตุลาคม)
- ราศีพิจิก Scorpio (24 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน)
- ราศีธนู Sagittarius (23 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)
โหราศาสตร์ตะวันตก แผนที่
โหราศาสตร์แผนที่ (Astrocartography) คือ ศาสตร์การดูดวงแบบตะวันตกที่ใช้ในเรื่องของการย้ายประเทศว่าประเทศไหนหากเราไปอยู่แล้วจะเหมาะกับเรา โดยจะใช้วิธีการนำดาวบนฟ้าตามเวลที่เราเกิดนั้นในรูปแบบที่เป็นวงกลมมาเปลี่ยนเป็นเส้นบนแผนที่โลกเพื่อใช้ในการทำนายดวงชะตา ซึ่งหากดวงชะตาของเราไปอยู่ภายใต้เส้นในประเทศไหนก็จะทำให้รุ่งในประเทศนั้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการดูดวงแบบนี้นั้นก็คือ วันเดือนปีเกิด และอีกสิ่งหนึ่งเลยคือเรื่องของเวลาตกฟากหรือเวลาเกิดที่ควรจะตรงตามใบสูติบัตรเป๊ะ ๆ จึงจะช่วยให้การคำนวณตามโหราศาสตร์ตะวันตกแผนที่นั้นมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
โหราศาสตร์ยูเรเนียน (โหราศาสตร์ดวงดาว)
โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน (โหราศาสตร์ดวงดาว) คือ ศาสตร์ที่จะมีการพัฒนาโดย ท่านอัลเฟรด วิตเตอ (Alfred Witte) ที่จะใช้เฉพาะแก่นแท้หรือหลักความเชื่อที่มีตั้งแต่โบราณนั้นมาประยุกต์เข้ากับแนวคิดและวิธีการเฉพาะจนทำให้เป็นศาสตร์การทำนายดวงชะตาที่เรียกได้ว่ามีความแม่นยำมากที่สุดในโลก ขนาด อดอฟ ฮิตเลอร์ยังต้องกลัวกับศาสตร์นี้ ซึ่งโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนนั้นก็จะมีการต่อยอดจากเรื่องของดวงชะตา 12 ราศี ที่จะใช้เรื่องขององศาและมุมสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีเรื่องของช่วงอายุเข้ามาเกี่ยวด้วย ผู้ที่จะสามารถดูดวงในศาสตร์นี้ได้นั้นจะต้องศึกษามาเป็นอย่างดี เพราะมันยากมากแต่ก็แม่นยำมากเช่นเดียวกัน
โดยเขาจะใช้เป็นวัน เดือน ปีเกิด เวลาเกิด สถานที่เกิด รวมไปถึงช่วงเวลาที่ทำการทำนายในการไปคำนวณแบบคณิตศาสตร์ ซึ่งคำทำนายที่ได้มานั้นจะมีความแม่นยำในแบบที่เรียกว่าเกือบจะ 100% เต็มเลยทีเดียว ซึ่งก็จะมีการทำนายเกี่ยวกับเรื่องของบุคลิกและนิสัยใจคอของเรา ไปจนถึงเรื่องของราศีที่เป็นมิตรและราศีที่เป็นศัตรู แต่ในการทำนายแบบนี้นั้นอาจทำให้ราศีของเรามีการเปลี่ยนลัคนาราศีไปได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการดูดวงโหราศาสตร์ตะวันตกยูเรเนี่ยน
อ่านเพิ่มเติม :
- โหราศาสตร์ยูเรเนียน: คิดถึง Alfred Witte ตอน 1
- โหราศาสตร์ยูเรเนียน: คิดถึง Alfred Witte ตอน 2
- โหราศาสตร์ยูเรเนียน: คิดถึง Alfred Witte ตอน 3
โหราศาสตร์พระเวท (โหราศาสตร์ภารตะ)
โหราศาสตร์พระเวท (โหราศาสตร์ภารตะ) คือ การทำนายดวงชะตาโดยการใช้ตำแหน่งจริงบนท้องฟ้า และการใช้วัน เดือน ปีเกิด เวลา รวมถึงสถานที่เกิด มาทำการคำนวณเพื่อหาตำแหน่งดวงดาวและใช้ในการทำนายนั่นเอง โดยศาสตร์นี้จะแบ่งเป็น 27 ราศี หรือ นักษัตร และแต่ละราศีนั้นก็จะมีลักษณะนิสัยรวมไปถึงธาตุที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังเป็นศาสตร์ที่ใช้เรื่องของการสอดคล้องในเรื่องของร่างกายและจิตใจเพื่อค้นหาแสงสว่างและหนทางในการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้ที่ได้รับคำทำนาย โดยราศีทั้ง 27 ราศี นั้น มีดังนี้
- อัศวินี (13-27 เมษายน)
- ภรณี (27 เมษายน-11 พฤษภาคม)
- กฤติกา (11-25 พฤษภาคม)
- โรหิณี (25 พฤษภาคม-8 มิถุนายน)
- มฤคศิร (8-21 มิถุนายน)
- อารทรา (21 มิถุนายน-5 กรกฏาคม)
- ปุนัพสุ (5-19 กรกฎาคม)
- บุษยา (19 กรกฎาคม-2 สิงหาคม)
- อาศเลษา (2-16 สิงหาคม)
- มาฆะ (16-30 สิงหาคม)
- บุรพผลคุนี (30 สิงหาคม-13 กันยายน)
- อุตรผลคุนี (13-26 กันยายน)
- หัฏฐะ (26 กันยายน-10 ตุลาคม)
- จิตรา (10-23 ตุลาคม)
- สวาตี (23 ตุลาคม-6 พฤศจิกายน)
- วิสาขะ (6-19 พฤศจิกายน)
- อนุราธ (19 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม)
- เชษฐา (2-15 ธันวาคม)
- มูละ (15-28 ธันวาคม)
- บุพพาสาฬหะ (28 ธันวาคม-11 มกราคม)
- อุตตราสาฬหะ (11-24 มกราคม)
- ศรวณะ (24 มกราคม-6 กุมภาพันธ์)
- ธนิษฐา (6-19 กุมภาพันธ์)
- ศตภิษัช (19 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม)
- บุรพภัทรบท (4-17 มีนาคม)
- อุตตรภัทรบท (17-31 มีนาคม)
- เรวดี (31 มีนาคม-13 เมษายน)
หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ทาง : โหราศาสตร์พระเวท(ภารตะ)-ความรู้พื้นฐาน
บทสรุปของโหราศาสตร์
โหราศาสตร์นั้นเป็นเพียงการทำนายดวงชะตาจากวัน เดือน ปีเกิด และเวลาเกิด หรือสถานที่เกิด เพื่อใช้ในการหาดาวที่โคจรบนท้องฟ้า ซึ่งในแต่ละประเทศและในแต่ละพื้นที่ของโลกนั้นก็จะมีความเชื่อหรือการใช้วิธีการทำนายดวงชะตาเกี่ยวกับศาสตร์ของดวงดาวที่มีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็จำเป็นที่จะต้องใช้วิจรณญาณในการดูเกี่ยวกับศาสตร์เหล่านี้ด้วย