เพราะโลกของเรามักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงนี้เองที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เราเรียกกันว่า “Digital Disruption”
Digital Disruption คืออะไร
Digital Disruption คือ การเปลี่ยนแปลงที่มีสาเหตุมาจากการถือกำเนิดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความล้ำสมัย สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้ธุรกิจและสายงานต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เป็นการตัดสินใจของธุรกิจนั้น ๆ ที่เชื่อว่า หากใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องของการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจแล้ว จะทำให้กำไรของบริษัทนั้นสูงขึ้น รวมถึงยังสามารถลดต้นทุนในด้านอื่น ๆ ได้อย่างเป็นระบบ
Digital Disruption มีอะไรบ้าง
Digital Disruption มี 2 ประเภท ได้แก่
1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจนั้น จะเหมารวมถึงทั้ง 3 อย่างนั่นก็คือ การตลาด , การซื้อขายและการจ่าย , การสื่อสาร ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านการตลาด ที่เมื่อก่อนเรายังคงใช้กล้องฟิล์มธรรมดาแต่ในปัจจุบันมีกล้องดิจิทัลที่มีฟังก์ชันและออปชันดี ๆ ซึ่งน่าใช้งานกว่า ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อกล้องดิจิทัลมากกว่ากล้องฟิล์มนั่นเอง
2. การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจนั้นเกิดจากการที่มีธุรกิจใหม่ ๆ เริ่มสร้างตัวขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงต้องมีการวางแผนอย่างจริงจังเพื่อให้ก้าวทันโลกนั่นเอง ซึ่งธุรกิจทั้งหลายเหล่านี้ก็มีการ Digital Disruption อย่างเช่นการนำหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีส่วนช่วยในการทำงาน เพื่อให้ธุรกิจของตนนั้นทันสมัยและสามารถตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้
ตัวอย่าง Digital Disruption
เชื่อว่ามาถึงตรงนี้แล้วคงจะมีหลายคนที่อยากจะเห็นตัวอย่างของ Digital Disruption กันบ้างแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกว่ารอบตัวของเรามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตัวอย่างเช่น
1. เครื่องมือสื่อสาร
เครื่องมือสื่อสารที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็นเครื่องมือที่สามารถสัมผัสหน้าจอได้ถูกต้องไหมคะ แต่หากย้อนกลับไปแล้วเราจะสังเกตได้อย่างชัดเจนเลยว่า ในสมัยก่อนเครื่องมือสื่อสารยังคงเป็นเพียงโทรศัพท์มือถือเคลลื่อนที่เล็ก ๆ ที่มีปุ่มกดและทำประโยชน์ได้น้อย และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เริ่มมีการวางแผนและสร้างเครื่องมือสื่อสารใหม่ ๆ ที่สามารถเข้ากับผู้คนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
2. Video Call
Video Call คือ การสื่อสารระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร ที่สามารถมองเห็นการกระทำของกันและกันได้ผ่านตัวกลาง ไม่ว่าจะเป็น แอพพลิเคชัน , เว็บแคม , หรือสมาร์ทโฟน ซึ่งการ Video Call ก็เป็นการ Disruption จากการสื่อสารแบบธรรมดาในโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นเก่านั่นเอง
3. การค้าขาย
ในเรื่องของ Digital Disruption ในการค้าขายนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนมาก ๆ เพราะเมื่อก่อนเราจะยังคงเห็นแม่ค้าทั้งหลายทำการขายในลักษณะที่มีหน้าร้านและเราจะต้องเป็นผู้ไปทำการซื้อด้วยตนเอง แต่ในปัจจุบันก็มีฟังก์ชันใหม่เกิดขึ้นนั่นก็คือ “การ Live สด” ขายของ ที่ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านก็สามารถทำการขายได้ รวมถึงยังมีการจ่ายเงินที่สะดวกสบายและที่สำคัญไม่ต้องออกจากบ้านให้เสียเวลา
ผลกระทบ Digital Disruption
ในความเป็นจริง Digital Disruption ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา แต่มันเกิดขึ้นกับโลกของเราอยู่ตลอดเวลาซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่ดีสำหรับมนุษย์ เพราะการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทำให้มนุษย์สามารถมีอิสระมากขึ้นรวมถึงยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย แต่ Digital Disruption ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจหรืออาชีพบางอย่างต้องหายไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นการปรับตัวให้เข้ากับยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาแบบนี้จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
สรุป
Digital Disruption คือเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตบางอย่างของมนุษย์ให้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนแต่จะทำให้มนุษย์ก้าวสู่ยุคของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ที่มีความทันสมัย สามารถปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน การเตรียมตัวรับมือให้พร้อมกับ Digital Disruption จึงถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม