ในเรื่องความเชื่อของหยินหยางนั้น แน่นอนค่ะว่าเป็นความเชื่อทางฝั่งจีนซึ่งประเทศไทยของเราก็ได้มีความเชื่อในเรื่องนี้เช่นเดียวกับประเทศจีน เพราะอย่างที่เป็นที่ทราบกันดีว่าในประเทศไทยมีชาวไทยเชื้อสายจีนอยู่เยอะมาก ๆ ทำให้เกิดความเชื่อเหล่านี้ขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็มีทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับด้านความเชื่อ ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ รวมไปถึงเรื่องของการแพทย์แผนจีนเลยทีเดียว และในวันนี้บทความของเราก็มีความรู้ดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของหยินหยางมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่านกัน
หยินหยาง คืออะไร
อินหยาง Yin and Yang หรือ ในภาษาไทยเรียกว่า หยินหยาง คือ สัญลักษณ์ที่ใช้แทนพลังของจักรวาล โดยทั้งสองคำนี้ก็จะมีพลังที่ต่างกันออกไป ดังนี้
- พลังด้านหยิน คือ ส่วนที่เป็นสีดำ จะแสดงความหมายถึงดวงจันทร์ ที่มีแสงนวลอ่อนโยน หรือจะหมายถึงพลังของเพศหญิง ที่มีความเยือกเย็น สงบ เป็นพลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเต็มใจ อีกทั้งยังสามารถรับการกระทำของอีกฝ่ายได้ดี
- พลังด้านหยาง คือ ส่วนที่เป็นสีขาว จะแสดงความหมายถึงพระอาทิตย์ หรือจะหมายถึงพลังของเพศชาย มีความกระตือรือร้น การเคลื่อนไหว การเจริญเติบโต และความเจริญรุ่งเรือง
โดยทั้งสองสิ่งนี้จะเมื่อนำมารวมกันจะเป็นพลังที่ทำให้จักรวาลเกิดความสมดุล แต่ทั้งสองสิ่งนี้ก็ไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยจะมีพลังใดพลังหนึ่งที่จะแสดงออกมามากกว่าไม่ได้ อย่างพลังหยินจะมีมากกว่าพลังหยางหรือพลังหยางจะมีมากกว่าพลังหยินก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้จักรวาลนั้นเกิดความไม่สมดุล ซึ่งในปัจจุบันก็มีการพัฒนาเรื่องของหยินหยางนี้สู่แพทย์แผนจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หยินหยาง ความเชื่อ–ฮวงจุ้ย
หยินหยางนั้นเป็นความเชื่อของลัทธิเต๋าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงเรื่องของความสมดุลของจักรวาล โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งก็จะเป็นความเชื่อที่ว่าความแตกต่างนั้นจะต้องอยู่คู่กันเสมอ เช่น เมื่อมีร้อนก็ต้องมีเย็น เมื่อมีผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชาย เมื่อมีความสุขก็ต้องมีความทุกข์ เป็นต้น ซึ่งความเชื่อเหล่านี้นั้นก็เป็นสิ่งที่จะสามารถทำให้เกิดความสมดุลได้เป็นอย่างดี โดยจะสังเกตได้ว่าวงกลมที่อยู่ข้างในนั้นจะแทนสัญลักษณ์เป็นจักรวาล ส่วนสีดำและสีขาวที่ดูเหมือนปลาสองตัวกำลังแหวกว่ายเข้าหากันนั้นก็คือพลังงานหยินและหยางที่จะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่หากไม่มีพลังหยินก็จะไม่มีพลังหยาง หากไม่มีพลังหยางก็จะไม่มีพลังหยิน ดังนั้นความเชื่อของลัทธิเต๋าจึงมีความเชื่อว่าทั้งสองสิ่งนี้จะต้องอยู่คู่กันจักรวาลจึงจะมีความสมบูรณ์
ในเรื่องของฮวงจุ้ย จะเห็นได้ว่าเรื่องของหยินหยางนั้นสามารถเข้ามามีส่วนช่วยได้เป็นอย่างมาก ซึ่งในการอยู่อาศัยหรือการทำงานต่าง ๆ การที่เราได้ใช้เรื่องของหยินหยางมาเป็นตัวกลางนั้นจะสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ให้สามารถเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องจองบ้านเราเองที่เรานั้นอาศัยอยู่ประจำทุกวันกับครอบครัว หากในบ้านมีสภาพของความเป็นหยินมากอย่างความรกบ้านไม่สะอาดดูไม่เจริญหูเจริญตา ก็จะทำให้พลังงานหยางที่เป็นเพศชายนั้นเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายไม่อยากอยู่บ้านหรือเข้าบ้าน และจะพาลทำให้มีมือที่ 3 เข้ามา ซึ่งนี่ก็คือตัวอย่างของความไม่สมดุลระหว่างหยินและหยาง
หรือภายในสำนักงานต่าง ๆ หากในสำนักงานที่ทำนั้นมีพลังหยินมากเกินไป ก็จะส่งผลให้การทำงานเกิดความอืดอาด ไม่กระตือรือร้น ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความล่าช้าและอาจทำให้งานไม่เสร็จทันเวลา ในทางกลับกันหากในที่ทำงานมีพลังงานหยางมากเกินไปก็จะส่งผลให้เกิดความใจร้อน ความหงุดหงิด หรือปัญหาอื่น ๆ ซึ่งก็จะทำให้งานที่ทำนั้นเกิดความผิดพลาดและอาจใช้อารมณ์ในการตัดสินงานมากเกินไปได้ ดังนั้นทั้งหยินและหยางจึงจำเป็นที่จะต้องมีความสมดุลกันเพื่อทำให้เกิดความราบรื่นนั่นเอง
หยินหยาง กับ แพทย์แผนจีน
ในปัจจุบัน “หยินหยาง” ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนจีน ซึ่งก็ช่วยให้การรักษาแบบแพทย์แผนจีนนั้นเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ดีจริง ๆ โดยจะเน้นไปที่การรักษาเพื่อให้เกิดความสมดุลขึ้นในร่างกาย ซึ่งพลังด้านหยินนั้น จะมีลักษณะของความเย็น ซึ่งก็จะสามารถขับลมร้อนออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดความสงบขึ้นในจิตใจ ช่วยลดอาการบวมต่าง ๆ เรื่องหน้าแดง หรือใครที่มีไขมันสะสมบริเวณลำคอหรือใต้รักแร้นั้น การใส่สร้อยคอเงินหรือการใส่ต่างหูที่เป็นเงินจะช่วยสามารถรักษาอาหารเหล่านี้ได้
ในทางกลับกันพลังงานด้านหยางนั้น จะมีลักษณะความร้อนที่ทำให้เลือดลมสูง ซึ่งก็จะทำให้ป่วยหรือมีไข้ได้ง่าย อย่างที่มีผู้เคยบอกไว้ว่า “ควรรักษาพลังหยินหยางในร่างกายให้สมดุลเข้าไว้ เพื่อที่จะมีชีวิตที่ยืนยาว” นั่นเอง อย่างเช่น ในตอนเช้าที่เราตื่นจากการนอนนั้นร่างกายของเราจะมีพลังหยินอยู่มาก ดังนั้นจึงควรเติมพลังหยางเข้าไปในร่างกายด้วยการอาบน้ำอุ่นเพราะจะช่วยให้พลังหยินและพลังหยางนั้นเกิดความสมดุลได้นั่นเอง หรืออีกกรณีหนึ่งคือในตอนที่ออกกำลังกายเสร็จ ร่างกายของเราจะสะสมพลังงานหยางไว้มากดังนั้นจึงควรเติมพลังหยินเข้าไปด้วยการดื่มน้ำที่มีอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นจะช่วยลดพลังงานหยางลงได้ เป็นต้น
ซึ่งก็ถือว่าการที่พลังงานหยินหยางเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนจีนนี้สามารถชี้ให้เราเห็นถึงเรื่องความสมดุลของจักรวาลได้ดีเป็นอย่างมาก ว่าถึงแม้ทั้งสองสิ่งที่เราคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรที่จะอยู่คู่กันก็จำเป็นที่จะต้องอยู่คู่กันอยู่ดี อย่างเรื่องที่ผู้คนมักจะตั้งมาเป็นประเด็นในเรื่องของหยินหยางมากที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องความรัก ที่หลาย ๆ คน เชื่อว่าเป็นเพราะพลังหยินหยางที่ทำให้ได้คู่กัน ในความเชื่อส่วนนี้ก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่จะทำให้ถูกต้องมากกว่าคือเรื่องของการปรับตัวและความเข้าใจจึงจะสามารถทำให้พลังทั้งสองมีความสมดุลได้นั่นเอง